หลักการแต่เพลง และ key เพลง

เริ่มโดย admin, ธันวาคม 23, 2013, 05:36:08 AM

« หน้าที่แล้ว - ต่อไป »

admin

พี่ดี้เคยเขียนหลักการแต่งเพลงไว้ เมื่อนานมาแล้วครับ ผมขอเอามาให้อ่านกันทั้งดุ้น เลยละกัน

หลักในการเขียนเพลงเบื้องต้น และหลักในการวิจารณ์เพลงเบื้องต้น by พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค สำหรับ ทุกคน

หลักในการเขียนเพลงเบื้องต้น และหลักในการวิจารณ์เพลงเบื้องต้น

เนื่องจากหลายคนยังที่อยากแต่งเพลงมักจะถามเสมอว่าจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี และเวลาจะวิจารณ์เพลงคนที่แต่งเพลงออกมา จะวิจารณ์อย่างไรให้มีแนวทาง ไม่เปะปะ กว้างมากจนจับประเด็นไม่ได้ จึงจะมีแนวทางสำหรับการแต่งเพลงเบื้องต้นและการวิจารณ์ดังต่อไปนี้

๑.นักร้อง นักร้องจะเป็นโจทย์ข้อแรกที่นักแต่งเพลงต้องนึกถึงว่า จะแต่งให้ใครร้อง บุคลิกของนักร้องเป็นอย่างไร ภาษาของนักร้องคนนั้นเป็นประเภทไหน เพื่อให้คนฟังเชื่อถือเมื่อเวลาเราเขียนเพลงให้นักร้องคนนั้นร้องได้อย่างพอเหมาะกับบุคลิก เช่น ภาษาและวิธีคิดของอัสนี โชติกุล ย่อมไม่เหมือนกับนันทิดา แก้วบัวสายเป็นต้น การวิจารณ์ก็น่าจะวิจารณ์ว่าเพลงนั้น ๆ ที่บอกว่าจะแต่งให้กับนักร้องคนนั้น เหมาะสมกับนักร้องนั้น ๆ จริงหรือไม่

๒.ทำนองเพลง ส่วนใหญ่การแต่งเนื้อร้องเพลงไทยในสมัยนี้มักจะแต่งตามทำนอง เนื่องจากการแต่งทำนองมีหลักเกณฑ์ชัดเจนมากกว่า นักแต่งเนื้อเพลงต้องฟังทำนองเพลงนั้น ๆ แล้วพยายามตีโจทย์ให้เข้าใจลึกซึ้งให้ได้ว่า ทำนองที่เขียนมานั้น เนื้อเพลงควรจะเป็นอารมณ์อะไร สนุกสนาน ยั่วเย้า โกรธแค้น เสียใจ ผิดหวัง คิดถึง โรแมนติก ฯลฯ จึงจะสามารถเขียนเนื้อเพลงได้ถูกต้องตามอารมณ์ของทำนอง สำหรับนักวิจารณ์สมัครเล่น ก็วิจารณ์ได้ว่า เนื้อเพลงนั้นเหมาะสมกับทำนองเพลงนั้นหรือไม่

๓.โครงเรื่อง เมื่อนักแต่งเพลงวิเคราะห์ในสองหัวข้อแรกแล้ว ก็ควรจะเริ่มคิดว่า ควรจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรให้เหมาะสมกับสองหัวข้อแรกนั้น จะพูดถึงอะไร ยกตัวอย่างเพลงที่เคยผ่านมาแล้ว เช่น ก็หมวยนี่คะ ก็คือการนึกถึงนักร้องว่าเป็นหมวย ส่วนทำนองและดนตรีก็สนุกสนาน ผู้แต่งก็ได้คิดเรื่องว่า เป็นการพูดหยอกล้อและถ่อมตัวว่าตัวเองเป็นหมวย ไม่สวย แถมยังโดนล้ออีก เป็นการระบายบุคลิกของนักร้องและทำนองได้ดี เป็นต้น นักวิจารณ์ก็อาจจะวิจารณ์ได้ว่า เรื่องราวในเพลงที่เพื่อนเขียนมานั้น มันน่าสนใจหรือไม่ มีมุมอะไรแตกต่าง หรือเป็นมุมเดิม ๆ ไม่มีอะไรใหม่

๔.การสื่อสาร เมื่อนักแต่งเพลงคิดออกแล้วว่าจะเขียนเพลงเกี่ยวกับอะไร พูดถึงอะไร ให้กับนักร้อง ก็เข้าสู่ขั้นตอนว่า เป็นคนเขียนที่ดีหรือไม่ คนฟังเข้าใจโครงเรื่องหรือคอนเซปต์ที่ตนเองพยายามจะบอกหรือไม่ เขียนวกไปวนมาหรือไม่ เริ่มต้นอย่างลงท้ายอีกอย่างหรือไม่ ใช้คำผิดความหมายหรือไม่ ที่สุดคือ ฟังแล้วงงหรือเปล่า

๕.ความประทับใจ นี่คือข้อสุดท้ายที่ยากที่สุด นักแต่งเพลงหลายคนเขียนตอบโจทย์สี่ข้อนั้นได้ทั้งหมด แต่จะมาสอบตกข้อสุดท้ายซึ่งเป็นนามธรรมที่สุด นักแต่งเพลงต้องคิดให้ได้ว่า จะทำอย่างไรคนฟังถึงจะสนใจเพลงของเรา ไม่ว่าจะด้วยคำแรง ๆ หรือเนื้อหาที่แปลก ๆ หรือบางเพลงก็อาจจะไม่มีอะไรแปลกน่าสนใจเมื่อเวลาอ่านบนกระดาษ แต่เวลาฟังพร้อมกับทำนองกลับประทับใจอย่างประหลาด เพียงเพราะว่าเขียนได้เข้ากับทำนอง ลงโน้ต ลงจังหวะได้อย่างลงตัว
ความประทับใจนี้มีหลายหัวข้อมาก ซึ่งไม่สามารถเขียนลงในกฎห้าข้อนี้ได้ทั้งหมด แต่อยากจะให้นักแต่งเพลงที่กำลังเริ่มต้นลองค้นหาดู รวมทั้งนักวิจารณ์สมัครเล่นด้วย ลองวิจารณ์เพื่อนดูว่า สิ่งที่เพื่อนทำมานั้นมันน่าประทับใจตรงไหนบ้าง

อยากให้น้องที่อยากเริ่มแต่งเพลง ลองใช้ห้าข้อของพี่นี้ดู ส่วนนักวิจารณ์ด้วยกันในเว็บนี้ อยากให้ใช้หลักห้าข้อนี้วิจารณ์เพื่อนด้วยกันเองเหมือนกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปไกล

พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค



เทคนิคแนวคิดวิธีการในการหาคีย์เพลง





คำตอบของคำว่ารู้ได้อย่าง "ว่าเพลงๆนั้นคีย์อะไร" เป็นปัญหาโลกแตกที่จริงๆแล้ว

เรียกว่าเส้นผมบังภูเขาครับ

ขออนุญาตแนะนำคร่าวๆนะครับโดยให้ยึดเกณฑ์ดังนี้

1.ต้องรู้ว่าในแต่ละคีย์มีกลุ่มโน๊ตและคอร์ดในอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง Key C มีโน๊ตคือ C-D-EF-G-A-B

ส่วนคอร์ดคือ C(คอร์ด 1) Dm(คอร์ด 2)   Em(คอร์ด 3)  F(คอร์ด4 )  G(คอร์ด 5)  Am(คอร์ด 6)  Bdim (คอร์ด 7)

ซึ่งจากตัวอย่าง Key C ที่ยกตัวอย่างไป เมื่อนำไปประยุกต์ใช้ในคีย์อื่นๆ โดยเอาชื่อคีย์ตั้งเป็นคอร์ดแรก มันจะเกิดกฏตายตัวเสมอครับคือ

คอร์ด 1 4 5 จะเป็นคอร์ด Major เสมอ คอร์ด 2 3 6 จะเป็นไมเนอร์ เสมอ และคอร์ด 7 ของคีย์ จะเป็น ดิมินิชเสมอ แม้ในทางปฏิบัติเราจะนิยมเล่นคอร์ด 7 เป็น Minor ก็ตาม ยกตัวอย่างคีย์ G มีคอร์ดโน๊ตคือ G  A  B  C  D  E  F#  และคอร์ดในคีย์ G คือ G Am Bm C D Em F#mdim เพื่อนๆสังเกตเห็นไม๊ครับว่า

สูตรลำดับของคอร์ด มันจะเป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าจะคีย์ อะไร

ผมฝากคิดเล่นๆ หนึ่ง คีย์ครับ โดยให้หาคำตอบจาก สูตรนี้

คีย์ A มีโน๊ตคือ

A  B  C#  D  E  F#  G#

และคอร์ดในคีย์ A คือ ...............................................ลองคิดหาคำตอบกันดูครับไม่ยาก




2.ในกรณีทีรู้คอร์ดในเพลงแล้วเวลาที่เราเล่น ผมให้แนวคิดง่ายๆไปซักหนึ่งครับคือ คอร์ดเพลง ป๊อบ หรือเพลงตลาดส่วนใหญ่ทั้งไทยและเทศ เรามักจะเจอคอร์ดกลุ่มหนึ่งเสมอคือ คอร์ด 1 - 4 - 5  ยกตัวอย่าง Key C เราจะเจอแน่ๆคือคอร์ด 1 (คอร์ด C) คอร์ด 4 (คอร์ด F) คอร์ด 5 (คอร์ด G) ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราเจอ สามคอร์ดนี้ เราจะสามารถเดาได้แน่นอนว่า มันคือ Key C งงมั๊ยครับผมยกตัวอย่างอีกที เพื่อนๆลองดูเปรียบเทียบจากตาราง ของ Key / Chord ที่ผมได้โพสไปครับ คอร์ด C / F / G โอกาสที่เราจะเจอคอร์ดนี้สามคอร์ดในเพลงเดียวกันมันมีแค่่สอง Key เท่านั้นคือ คีย์ C และ Am เท่านั้น(ย้ำนะครับว่าเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่า เพื่อนๆจะต้องจำให้ได้ครับว่าแต่ละ คีย์ ประกอบด้วย โน๊ตและคอร์ดอะไรบ้างจะทำให้เราทราบละบอกได้ เพราะถ้าเพื่อนๆสังเกตให้ดีแล้ว คอร์ด ในคีย์ แต่ละ คีย์ มันไม่ซ้ำกันครับ มันจะมีทางของมันชัดเจน




3.จากแนวคืดที่บอกว่า ให้สังเกตคอร์ดสุดท้ายของเพลง ว่าลงคอร์ดอะไร นั่นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีครับที่ อ้างอิงได้ เช่น เพลง ช้าง คอร์ดสุดท้ายของเพลงคือ คอร์ด C เราสามารถบอกได้เลยว่าเพลงนี้คือ Key C แต่มีข้อแม้นะครับว่าเพลงๆนั้นจะต้องเป็นเพลงที่ไม่มีการ ทรานสโพส หรือ เปลี่ยน คีย์ ระหว่างเพลง  เพราะไม่งั้นแล้วสูตรนี้จะโมฆะทันที




4.ถ้าในกรณีที่เราใล่สเกลได้ ลองใช้เทคนิคการใล่หาโน๊ตครับ วิธีการก็คือ สมมุติ เปิดเพลงช้าง ให้เราแกะ เมโลดี้ เพลงช้างให้ได้ (สูตรนี้จะใช้ได้สำหรับ ท่านที่มีทักษะการแกะ มาบ้างแล้ว) เมื่อเราแกะได้แล้ว ให้สังเกตโน๊ตต่างๆที่เราแกะมาว่ามีตัวใหนที่ติด ชาร์ป แฟรต บ้าง ถ้าโน๊ตที่แกะมาได้ไม่ติดชาร์ปหรือแฟรต ใดๆเลย เพื่อนๆตอบได้มั๊ยครับว่า สเกลใหน คีย์ใหนที่ไม่มีโน๊ต ชาร์ปแฟรตอยู่เลย สังเกตที่ตารางอีกครั้งครับ ท่านจะได้คำตอบคือ C Major สเกลเราก็จะฟันธงได้เลยว่ามันคือ Key C




5.สรุปต่อจากข้อ 4 ถ้าเราเจอชาร์ปแฟรตในเพลงล่ะ สังเกตตารางอีกครั้งครับว่าทำไมผมถึงเรียงลำดับสเกลจาก C แล้วข้ามไป G ต่อด้วย D A E B F# แทนที่จะเรียงคือ CDEFGAB เพื่อนๆสังเกตมั๊ยครับว่าสเกลที่เรียงกันมา จำนวน ชาร์ปที่เพิ่มขึ้นมันเพิ่มทีละ 1 # เสมอในสเกลถัดมา โดยเริ่มจาก C Major ไม่มีชาร์ป แฟรต เลย พอมา G มี 1#คือ F# เมื่อมา D มีเพิ่มมาอีกหนึ่งคือ C#โดยที่ F#ก็ยังอยู่ ฉะนั้นแล้วคีย์ D มีสองชาร์ปคือ F#C# อ๋อหรือยังครับ สเกลที่สามคือสเกล A มีสามชาร์ปคือ F#C#ยังมีเหมือนเดิมที่เพิ่มมาคือ G# สังเกต สเกลที่เหลือครับจะได้คำตอบว่ามันเรียงอย่างที่ผมอธิบายรึเปล่า




6.คราวนี้ถ้าถามว่ามันมีประโยชน์ยังไงกับการแกะเพลง มีครับมีเยอะมาก กล่าวคือ สมมุตว่าเราแกะเมโลดีเพลงๆหนึ่งขึ้นมา แล้วเราเจอ โน๊ตคือ F# C# เราก็มาดูว่า เจ้าโน๊ตสองตัวนี้มันอยู่ในสเกลอะไรตอบได้มั๊ยครับ ผมเฉลยเลยว่ามันอยู่ในสเกล D ครับ เพราะอะไรทราบมั๊ยครับ อยากทราบไปต่อข้อ 7 ครับ




7.หลักการลำดับการเกิดชาร์ปในแต่ละสเกล มันมีลำดับและสูตรที่ตายตัวครับ โดยเรียงลำดับดังนีคือ

F# C# G# D# A# E# B#

โดยถ้าเราตัดมาทีละตัวจะได้ดังนี้คือ F# ตัวเดียว คือ คีย์ G

F# C# คือคีย์ D (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 2 #)

F# C# G# คือคีย์ A (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 3 #)

F# C# G# D# คือคีย์  E (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 4 #)

F# C# G# D# A# คือคีย์ B (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 5 #)

F# C# G# D# A# E# คือคีย์ F# (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 6 #)

F# C# G# D# A# E# B# คือคีย์ C# (ภาษานักดนตรีเรียกว่า 7 #)

ส่วนทางแฟรต ท่านใดทราบบ่างครับว่าหายังไง ง่ายมากครับคือใล่ย้อนกลับครับ




8.มาถึงข้อนี้คิดว่าหลายท่านน่าจะเข้าใจพูดกันง่ายๆก็คือ สมมุตเราเจอ G#ในเมโลดีของเพลง โน๊ตอื่นๆที่เราจะเจอแน่ๆคือ F# C# 99%แน่นอน (เผื่อไว้นิดนึง เผื่อเป็นโน๊ตจร)ขอให้เพื่อนๆฟันธงได้เลยว่า เพลงนี้ คีย์ A แน่นอน ยกอีกซักหนึ่งตัวอย่างเช่นถ้าเราเจอ D# ลองเดาสิครับว่าเราต้องเจอโน๊ตใหนบ้างค่อนข้างแน่นอน ผมเฉลยให้ครับ โน๊ตที่ต้องเจอคือ F#C#G# แน่นอน 99 % คราวนีเพื่อนๆก็มาหาต่อว่า มันมีชาร์ปตัวต่อไปมั๊ยตัวต่อไปใครตอบได้มั๊ยครับคือตัวใหน ผมเฉลยเลยคือ A# ครับ (หลายๆคน งง ให้ย้อนขึ้นไปอ่านข้อ 7 อีกรอบครับ)ถ้าไม่เจอ A# ให้เดาเลยว่า เพลงนี้มี สี่ ชาร์ป คือ คีย์ E




9 ทั้งนี้ทั้งนั้น จำสเกลให้ได้ครับ ทำความเข้าใจว่าแต่ละสเกล มีคอร์ด และโน๊ต อะไรบ้าง เราจะมองออกว่ามันคือ คีย์ อะไร




10 . ฝากการบ้านคิดเล่นๆครับ สมมุตว่าผมแกะเพลง เพลงนึง แล้วผมเจอ โน๊ตติดชาร์ปสองตัวคือ C#และD# เพื่อนๆทายกันหน่อยครับเพลงนี้มีโอกาสที่เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในคีย์อะไรเพราะอะไร


Edit : แก้ใขเพิ่มภาพตารางเปรียบเทียบ ?Major Minor

Edit : เพิ่มเติมข้อ 1 ในส่วนของ คอร์ดในสเกล เนื่องจากมีเพื่อนๆสงสัย ว่าจะรู้ได้ไงว่า แต่ละคีย์ มีคอร์ดอะไรบ้าง ในส่วนของ Major Minor 26/9/2012เทคนิคแนวคิดวิธีการในการหาคีย์
บจก.สยามเอวีเอส
63 Moo 2 แพรกษาใหม่ เมือง สมุทรปราการ
นำเข้า-จำหน่าย เครื่องจักร cnc มือสองญี่ปุ่น
ติดต่อ คุณ ธนเดช  084-387-2401
EMAIL kiattub@gmail.com
คลิกลิ้งแอดไลน์ได้เลย Line id : boysiamavs
http://line.me/ti/p/~boysiamavs

    

admin

บจก.สยามเอวีเอส
63 Moo 2 แพรกษาใหม่ เมือง สมุทรปราการ
นำเข้า-จำหน่าย เครื่องจักร cnc มือสองญี่ปุ่น
ติดต่อ คุณ ธนเดช  084-387-2401
EMAIL kiattub@gmail.com
คลิกลิ้งแอดไลน์ได้เลย Line id : boysiamavs
http://line.me/ti/p/~boysiamavs

    

admin

โครงสร้างของคอร์ด คือ 1-3-5 อย่างที่เข้าใจถูกแล้้วครับ

คอร์ดคือ triad หรือ คู่ 3 ซ้อนกันสองคู่


แต่คอร์ดจะมี Quality ของมัน หรือก็คือ ความเป็น Major Minor Augmented Diminish
สิ่งที่บ่งบอก Quality ของมันก็คือ ระยะห่างระหว่างคู่ เสียงในคอร์ด (ชนิดของขั้นคู่นั้นเหละ )

โน๊ตในโลกนี้มีอยุ่ 12 ตัว คือ

C C# D D# E F F# G G# A A# B

แต่ละตัวจะห่างกัน ครึ่งเสียง

โน๊ตของขั้นคู่ 3 ห่างกัน 5 ครึ่งเสียง จะเรียกว่า คู่ 3 เมเจอร์ - M3
โน๊ตของขั้นคู่ 3 ห่างกัน 4 ครึ่งเสียง จะเรียกว่า คู่ 3 ไมเนอร์ - m3

โน๊ตของขั้นคู่ 5 ห่างกัน 8 ครึ่งเสียง จะเรียกว่า คู่ 5 เฟอร์เฟ็ค - P5
โน๊ตของขั้นคู่ 5 ห่างกัน 7 ครึ่งเสียง จะเรียกว่า คู่ 5 ดิมมินิช - d5

คอร์ดเมเจอร์ เกิดจาก Root + M3 +P5
คอร์ดไมเนอร์ เกิดจาก Root + m3 + P5
คอร์ดดิมมินิช เกิดจาก Root + m3 + d5

(จริงๆ มีพวกขั้นคู่ และ คอร์ดอื่นๆอีกเยอะเลยนะครับ อันนี้พูดถึงแค่เรื่องที่ถามก่อน )


ที่นี่มาดูในคีย์ C อย่างที่ถาม

C - E - G / C กับ E ห่างกัน 5 ครึ่งเสียง เป็น M3 / C กับ G ห่างกัน 8 ครึ่งเสียง เป็น P5

ดังนั้นคอร์ด C E G เป็น C Major


D - F - A / D กับ F ห่างกัน 4 ครึ่งเสียง เป็น m3 / D กับ A ห่างกัน 8 ครึ่งเสียง เป็น P5

ดังนั้นคอร์ด D F A เป็น D minor

Em, F ,G ,Am ก็ลองคิดตามสูตร ข้างบนดูนะครับ


ส่วน B - D - F / B กับ D ห่างกัน 4 ครึ่งเสียง เป็น m3 / B กับ F ห่างกัน 7 ครึ่งเสียง เป็น d5

ดังนั้นคอร์ด ที่ประกอบด้วยโน๊ต B D F มันจึงเป็น Bdim ครับ

บจก.สยามเอวีเอส
63 Moo 2 แพรกษาใหม่ เมือง สมุทรปราการ
นำเข้า-จำหน่าย เครื่องจักร cnc มือสองญี่ปุ่น
ติดต่อ คุณ ธนเดช  084-387-2401
EMAIL kiattub@gmail.com
คลิกลิ้งแอดไลน์ได้เลย Line id : boysiamavs
http://line.me/ti/p/~boysiamavs