ราเล่นหุ้นทางเทคนิคเกร็งกำไรระยะสั้น จะพบว่ามีเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์อยู่หลายตัวด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือการดูความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาหุ้น(Price) กับ ปริมาณการซื้อขายหุ้น(Volume) เป็น Basics Of Technical Analysis ถ้าเรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ่้ง เราก็สามารถทำกำไรหุ้นได้มาก ไม่แพ้เครื่องมือวิเคราะห์หุ้นตัวอื่นๆ เลย
ปริมาณการซื้อขาย วอลุ่ม (VOLUME (VOL) ) คืออะไร
VOLUME คือ ปริมาณการซื้อขายของหุ้น โดยความสัมพันธ์ของราคาและปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง
ปริมาณการซื้อขาย กับ ราคาหุ้น
จากภาพ แท่งกราฟสีฟ้า ด้านล่างคือ ปริมาณการซื้อขายหุ้น(Volume) และ รูป ด้านบน เป็น กราฟ แท่งเทียน แสดงราคาหุ้น
ลองสังเกตุ และวิเคราะห์ ราคา (Price) กับ ปริมาณการซื้อขายหุ้น (Volume)
ถ้าราคาปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น โดยมีปริมาณการซื้อขายปรับตัวสูงขึ้นตามมาด้วย จะเป็นการสนับสนุนการขึ้นของราคา
ถ้าราคาที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากนั้นราคามีการปรับตัวลง และปริมาณการซื้อขายปรับตัวลดลงตามมาด้วย แสดงให้เห็นถึงการลดลงของราคาแบบชั่วคราว หลังจากนั้นจะราคาหุ้นจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
การขายหุ้นอย่างตื่นตระหนก (PANIC SELLING) เกิดขึ้นจากราคาที่มีการลดลงมาเป็นระยะเวลานาน และต่อมาราคาตกดิ่งลงในขณะที่ VOLUME กลับเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นช่วงวิกฤติการขาย (SELLING CLIMAX) ซึ่งมักจะเป็นจุดต่ำสุดของตลาดหรือหุ้น เพราะบ่อยครั้งที่วิกฤติการขาย(SELLING CLIMAX) จะเป็นจุดจบของ BEAR MARKET
ข้อควรระวัง วิเคราะห์ ราคา (Price) กับ ปริมาณการซื้อขายหุ้น (Volume)
การขึ้นลงของราคาหุ้น กับ ปริมาณการซื้อขาย ที่ไม่สัมพันธ์กัน อาจแสดงการขึ้นลง ของราคาหุ้น ที่ไม่เป็น ความจริง หรือ อาจเป็นการปั่นหุ้น ถ้าเรา ตัดสินใจซื้อ หรือ ขาย หุ้น ผิดพลาดไม่เป็นไปตาม Trend ที่แท้จริง เราก็จะขาดทุนและอาจขาดทุนมากถ้า กราฟราคาหุ้นลงแรง
ถ้าราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเวลาก่อนหน้านั้น แต่ปริมาณการซื้อขายกลับลดลง ถ้าสังเกตุให้ดี ลักษณะนี้จะเป็นการค้านการขึ้นของราคาหุ้นใน ช่วงเวลานั้น อาจจะไม่ใช่ แนวโน้มขาขึ้น ที่แท้จริง
ถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลง ต่อมามีการปรับราคาขึ้น แต่หากปริมาณการซื้อขายลดลง จะเป็นการค้านการขึ้นราคาหุ้นในช่วงเวลานั้น คือราคาหุ้นขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายหุ้นไม่มี มาสนับสนุนการขึ้นของราคา อาจเป็นการขึ่นของราคาแบบชั่วขณะ
ถ้าราคาหุ้น และ Volume ขึ้นไปด้วยกันอย่างช้า ๆ ถึงในระดับหนึ่งแล้ว ราคาวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วโดย มี VOLUME สูงขึ้นมากผิดปกติ และ ช่วงเวลาต่อมาราคาเริ่มลดต่ำลง อาจจะถือได้ว่า เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยน Trend จากขึ้นเป็นลง
ถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นกลับไปถึงจุด สูงเดิม แต่ Volume มีไม่มากเท่ากับ Volume ของจุดสูงเดิม แสดงถึงการค้านการขึ้นของราคาหุ้น อาจนำไปสู่การปรับตัวลงของราคาหุ้นในช่วงหลังจากนั้นได้
ถ้าราคา สูงขึ้นมาเป็นระยะเวลานาน และเมื่อมาถึงจุดที่ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ Volume กลับยังคงสูงมาก จะเป็นสัญญาณว่ามีการขายระบายหุ้นออกในลักษณะของการโยนหุ้น (มีการซื้อขายกันระหว่างกลุ่มเพื่อไม่ให้ราคาตก) ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับตัวลงของราคาในช่วงต่อไป